การกำกับดูแลธุรกิจแบบรวมกลุ่ม
Group-wide supervision
หน่วยงานที่กำกับดูแลต้องกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ทั้งในลักษณะแยกรายบริษัท และแบบรวมทั้งกลุ่มธุรกิจ (solo and group-wide basis)
คำอธิบาย
17.1 การกำกับดูแลบริษัทประกันภัยที่เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ (insurance group or conglomerate) ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือในระดับสากล ไม่ควรจำกัดการกำกับดูแลอยู่เฉพาะบริษัทนั้นบริษัทเดียว (solo supervision) การดำเนินงานของบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งรวมถึง holding company ต่างๆ ควรนำมาพิจารณาในการประเมินภาพรวมของความเสี่ยง (totality of risk exposures) ที่มีต่อบริษัทประกันภัย และกลุ่มธุรกิจ โดยทั่วไปแล้วการที่บริษัทประกันภัยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจจะมีผลต่อความเสี่ยง (risk profile) ฐานะการเงิน บทบาทของฝ่ายบริหารและกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งทำให้เกิดความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายที่สามารถดูแลลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของบริษัทประกันภัยได้ เพื่อให้มีการประเมินในระดับกลุ่มธุรกิจ และการดำเนินการกำกับดูแลเป็นไปอย่างเหมาะสม
17.2 ในขั้นแรก กฎหมายควรมีการระบุความหมายของกลุ่มธุรกิจ (insurance group or conglomerate) ไว้อย่างชัดเจน และสำหรับองค์กร/บริษัทที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจ ควรมีการร่างแผนภูมิโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจ และระบุหน่วยงานที่กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยหน้าที่ในการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจและส่วนประกอบอื่นๆ ควรได้รับการเห็นชอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง หรืออาจมีการกำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างกหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจประเภทต่างๆ ในภาคการเงินทั้งในและนอกประเทศ
17.3 การกำกับดูแลและการประเมินในระดับกลุ่มธุรกิจไม่ควรจำกัดอยู่เฉพาะตัวชี้วัดทางการเงิน เช่น ความพอเพียงของเงินทุน และการกระจุกตัวของความเสี่ยง เท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาถึงโครงสร้างการบริหารจัดการการทดสอบความพร้อมและเหมาะสมของผู้บริหารบริษัท (fit and proper testing) และประเด็นทางด้านกฎหมายอื่นๆ นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจยังควรมีระบบข้อมูลสารสนเทศในการใช้งาน ทั้งสำหรับภายใน และสำหรับการให้ข้อมูลแก่หน่วยงานที่กำกับดูแล
17.4 การกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจ จำเป็นต้องมีเครื่องมือต่างๆ เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูล และการตรวจสอบ ณ สถานที่ทำการ ที่สามารถเข้าถึงทั้งกลุ่มธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติที่จำเป็น
a ความหมายของกลุ่มธุรกิจ (insurance group and financial conglomerate) ควรมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานที่กำกับดูแลและบริษัทประกันภัยสามารถกำหนดได้ว่า
- กลุ่มธุรกิจใดถือเป็น insurance group หรือเป็น financial conglomerate
- บริษัทประกันภัยอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจใด
- ขอบเขตในการกำกับดูแล
b หน่วยงานที่กำกับดูแลควรกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และควรมีการร่วมมือระหว่างกันเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน
c ในกรณีที่หน่วยงานที่กำกับดูแลหลายแห่งมีหน้าที่กำกับดูแลในแต่ละส่วนของกลุ่มธุรกิจควรมีการร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างเหมาะสม โดยหน้าที่ความรับผิดชอบในการกำกับดูแลของแต่ละหน่วยงานควรมีการกำหนดอย่างชัดเจนและไม่มีช่องว่างเหลือ (no supervisory gaps)
d การกำกับดูแลธุรกิจแบบรวมกลุ่ม สำหรับบริษัทประกันภัยที่เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มธุรกิจอย่างน้อยที่สุด ควรรวมถึง นโยบายที่มีต่อและการกำกับดูแลในเรื่อง
- โครงสร้างของกลุ่มธุรกิจและความสัมพันธ์ภายใน ซึ่งรวมถึงโครงสร้างการถือหุ้นและการบริหารจัดการ
- ความพอเพียงของเงินทุน
- การประกันภัยต่อและการกระจุกตัวของความเสี่ยง (reinsurance and risk concentration)
- รายการที่เกี่ยวโยงกันภายในกลุ่มและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น (intra-group transactions and exposures) ซึ่งรวมถึงการค้ำประกันกันเองภายในกลุ่มและภาระผูกพันตามกฎหมายที่อาจมี (intra-group guarantees and possible legal liabilities)
- กลไกการควบคุมภายในและกระบวนการจัดการความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงสายการบังคับบัญชา/การรายงาน และการทดสอบความพร้อมและเหมาะสมของผู้บริหารระดับสูง
e หน่วยงานที่กำกับดูแลในประเทศที่รับการลงทุน (host) ควรให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่กำกับดูแลของประเทศผู้ลงทุน (home) เพื่อให้ไม่เป็นการกีดขวางการกำกับดูแลธุรกิจแบบรวมกลุ่ม
f หน่วยงานที่กำกับดูแลควรกำหนดให้กลุ่มธุรกิจมีระบบการรายงาน ที่เป็นไปตามความต้องการข้อมูลในการกำกับดูแลธุรกิจ
g หน่วยงานที่กำกับดูแลอาจปฏิเสธหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หากโครงสร้างของธุรกิจหรือกลุ่มธุรกิจขัดแย้งต่อการกำกับดูแล |